วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2562

คนไทยช้อปออนไลน์เป็นอันดับ 2 รองจากจีน


by Admin

17-02-2017




ไม่ใช่แค่ช้อปออนไลน์ในประเทศเท่านั้น แต่ตัวเลขคนไทยช้อปออนไลน์ข้ามประเทศ ที่ PayPal ผู้ให้บริการชำระเงิน ทำร่วมกับอิปซอสส์ ร่วมกันทำวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคกว่า 28,000 คนใน 32 ประเทศ รวมทั้งผู้บริโภคคนไทย 800 คน สะท้อนว่า การช้อปออนไลน์ข้ามประเทศของคนไทยก็กำลังเติบโต


ผลสำรวจพบว่า ยอดใช้จ่ายออนไลน์ของนักช้อปชาวไทย เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 16% จากปี 2559 หรือคิดเป็นมูลค่า 325,614 ล้านบาท คาดว่าในปี 2560 จะเพิ่มขึ้นเป็น 376,753 ล้านบาท และในปี 2561 จะเพิ่มขึ้น 13% หรือคิดเป็นมูลค่า 426,655 ล้านบาท

คนไทยนิยมใช้จ่ายผ่านมือถือ

ผลสำรวจยังพบว่า ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา มีคนไทย 71% ที่ช้อปออนไลน์ผ่านทั้งเว็บไซต์ช้อปิ้งออนไลน์จ แอปพลิเคชั่น และช่องทางโซเชียลมีเดีย




ที่น่าสนใจ ประเทศจีนและประเทศไทยเป็นนักช้อปข้ามประเทศที่นิยมซื้อสินค้าผ่านอุปกรณ์มือถือมากที่สุด ราว 50 ของนักช้อปชาวจีน และไทยที่ซื้อสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศเลือกช้อปผ่านแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน

ในขณะที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทั้งหมด โดยเฉลี่ยจะมีนักช้อปข้ามประเทศที่ซื้อสินค้าผ่านอุปกรณ์มือถืออยู่ที่ 37% ซื่งเป็นผู้ใช้สมาร์ทโฟนถึง 27 เปอร์เซ็นต์





เป็นที่สังเกตได้ว่า ยอดการซื้อขายออนไลน์ผ่านมือถือ (mobile-commerce) ของคนไทย เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากปี 2558 มียอดใช้จ่าย 98,642 ล้านบาท ในปี 2559 เพิ่มเป็น 141,731 ล้านบาท เติบโตถึง 44% คาดว่าปี 2560 จะเติบโต 19 % หรือคิดเป็นมูลค่า 206,077 ล้านบาท





เพิ่มเป็นจาก 141.7 พันล้านบาทในปี 2559 เป็น 173.6 พันล้านบาท และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนอุปกรณ์มือถือที่เพิ่มมากขึ้น จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจทั้งสำหรับผู้ซื้อและผู้ค้าออนไลน์

จับตาช้อปข้ามประเทศมาแรง


นอกจากนี้ ยอดการช้อปออนไลน์ข้ามประเทศของคนไทย คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เมื่อประเมินจากจำนวนผู้ใช้งานอีคอมเมิร์ซในไทยจะมีอยู่ราว 7.9 ล้านคน ในจำนวนนี้ 2 ล้านราย เคยซื้อสินค้าออนไลน์ข้ามประเทศ คิดเป็นมูลค่าราว 6.03 หมื่นล้านบาท และในปี 2560 คาดว่าจะมีโอกาสเติบโตถึง 84% เนื่องจากมีการทำสำรวจต่อว่า ในปีนี้จะมีการซื้อของจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดย 55% ซื้อเพิ่มขึ้นแน่นอน 23% ซื้อเท่าเดิม6% ซื้อลดลง





โดยที่คนไทยมียอดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวของการซื้อของต่างประเทศอยู่ที่ 30,892 บาท/คน/ปี จากยอดอีคอมเมิร์ซต่อคนเฉลี่ยอยู่ที่ 41,215 บาท




5 ปัจจัยหนุนช้อปออนไลน์


ผลจากการสำรวจพบว่านักช้อปออนไลน์ในประเทศไทยจำนวน 55% มีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายออนไลน์มากขึ้นในปี 2560 เนื่องจาก 82% เห็นว่า ความสะดวกสบายของการช้อปออนไลน์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาหันมาช้อปด้วยวิธีนี้มากขึ้น


ในขณะที่ 37% มองว่าการส่งของที่รวดเร็วเป็นอีกปัจจัยหลัก และ 35% คิดว่าทำให้ประหยัดเงินได้มากกว่า 30% คาดว่าการจัดส่งสินค้าจะถูกลง 27% มาจากการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ




ช้อปของใช้ครัวเรือนนิยมแซงหน้าสินค้าแฟชั่น


ในส่วนของประเภทสินค้าที่นิยมช้อปออนไลน์ข้ามประเทศ ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาพบว่าส่วนใหญ่จะนิยมซื้อเสื้อผ้ารองเท้าสินค้าแฟชั่นเครื่องสำอางท่องเที่ยวสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ดิจิตอลคอนเทนต์เครื่องใช้ไฟฟ้า





ส่วนในปี 2560 คาดว่า ผู้บริโภคชาวไทยจะหันมาซื้อสินค้าที่นำมาใช้ในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น โดยสินค้า 3 ประเภทที่คาดว่าจะมีการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นในปี 2560 ได้แก่ ของใช้ในครัวเรือน (เติบโต 24%) สินค้าบริโภค (เติบโต 20%) และสินค้าสำหรับเด็ก (เติบโต 16%)





สมหวัง เหลืองไพบูลย์ศรี ผู้จัดการ PayPal ประจำประเทศไทย มอว่า นี่คือโอกาสของธุรกิจไทยในการส่งออกสินค้าสู่ตลาดโลก โดยผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งไม่ต้องใช้ต้นทุนสูงเหมือนกับการขยายสาขาแบบดั้งเดิม

ค่าขนส่ง-ภาษี ข้อจำกัด


แม้โอกาสจะมีอยู่มาก แต่อุปสรรคที่ทำให้คนไทยไม่กล้าช้อปออนไลน์ ยังกังวลค่าใช้จ่ายในการจัดส่งสินค้า และการเสียภาษี และกลัวว่าไม่ได้รับสินค้า


โดย 45% ของผู้สำรวจยังมองว่า ค่าขนส่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำไม่สามารถซื้อของข้ามประเทศได้บ่อยครั้งเท่าที่ควร ปัจจัยรองลงมาคือ การจ่ายค่าภาษีศุลกากร 44% และความชัดเจนของอัตราภาษีศุลกากร 42%




โอกาสของ PayPal

ด้วยผลวิจัยดังกล่าว เป็นโอกาสทางธุรกิจ PayPal ในการผลักดันให้ธุรกิจส่งออกหันมาใช้บริการเพย์เม้นท์ ที่สะดวกปลอดภัย และใช้กันแพร่หลายทั่วโลก แทนที่จะเป็นการเก็บเงินสดปลายทาง โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว ขนส่ง จองตั๋วแพ็กเกจทัวร์สินค้าแฟชั่นเสื้อผ้ากระเป๋า

PayPal มองว่า คู่แข่งไม่ใช่ผู้ให้บริการเพย์เมนต์ แต่เป็นการเปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนจากการชำระเงินสดปลายทาง ซึ่ง ธุรกิจส่วนใหญ่รู้จัก PayPal แต่ยังไม่รู้ว่าจะใช้ประโยชน์อย่างไรดังนั้นจึงต้องเน้นไปที่การให้ความรู้แก่กลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก

ปัจจุบัน PayPal ให้บริการออนไลน์เพย์เมนต์มา 18 ปี ใน 200 ประเทศทั่วโลก รองรับสกุลเงินมากกว่า 25 สกุลเงิน แต่ละวินาที จะธุรกรรมผ่าน PayPal 10,900 เหรียญสหรัฐ /วินาที โดยมีพนักงานรวมกันทั่วโลกกว่า1.7 หมื่นคน รองรับบริการหลังการขาย 20 ภาษา โดยมีผู้ใช้งานแล้ว 197 ล้านบัญชี ส่วนในไทย PayPal ได้เข้ามาเปิดสำนักงานเมื่อต้นปีที่แล้ว มีพนักงาน 4 คน


Source: https://positioningmag.com/1116556

วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2562

7-Eleven

ชื่อ “7-Eleven” มาจาก เปิด ๗ โมง ปิด ๕ ทุ่ม! สาขาในไทยมากเป็นที่ ๒ ของโลกแล้ว!!
เผยแพร่: 2 ก.ย. 2562 11:50 โดย: โรม บุนนาค




เซเวน อีเลฟเวนที่พัทยา โอ่อ่าเกินจะเป็นร้านสะดวกซื้อข้างถนน

ทุกวันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก “7-Eleven” ร้านสะดวกซื้อที่จำหน่ายสินค้าทั่วไปในชีวิตประจำวัน เปิดบริการตลอด ๒๔ ชั่วโมงไม่มีวันหยุด และมีสาขาแพร่กระจายเกือบทั่วทุกหัวระแหงในประเทศไทย เป็นแฟรนไชส์ที่มีสาขาในประเทศต่างๆมากที่สุดในโลก
เดิม “เซเวน อีเลฟเวน” เป็นลิขสิทธิ์ของ บริษัท เซาท์แลนด์ คอร์ปอเรชั่น สหรัฐอเมริกา ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี ๒๔๗๐ ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำแข็งที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ในปีเดียวกันนั้นก็ได้นำสินค้าอุปโภคบริโภคมาจำหน่ายด้วยเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า จึงเปลี่ยนชื่อเป็น Tote'm Store ต่อมาในปี ๒๔๘๙ ก็ได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น 7-Eleven เพื่อรองรับการขยายกิจการ ซึ่งในระยะแรกเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐-๒๓.๐๐ น. ของทุกวัน อันเป็นที่มาของชื่อ เซเวน อีเลฟเวน นั่นเอง
ในช่วงปลายปี ๒๕๓๓ บริษัทเริ่มประสบปัญหาทางการเงิน และได้รับความช่วยเหลือจาก อิโต-โยคะโด ซึ่งเป็นผู้ซื้อแฟรนไชส์รายใหญ่ที่สุด บริษัทญี่ปุ่นจึงเข้าควบคุมกิจการของบริษัทในปี ๒๕๓๔ ต่อมาในปี ๒๕๔๘ อิโต-โยคะโด ได้ก่อตั้งบริษัท “เซเวน แอนด์ ไอ โฮลดิงส์” เซเวน อีเลฟเวนจึงกลายเป็นบริษัทลูกของบริษัท เซเวน แอนด์ ไอ โฮลดิงส์ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
สำหรับประเทศไทย เซเวน อีเลฟเวน บริหารโดย บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยได้ลงนามในสัญญาซื้อสิทธิ์ประกอบกิจการในประเทศไทยเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๑ และได้เปิดสาขาแรกขึ้นที่หัวมุมถนนพัฒน์พงศ์ เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๓๒ จากนั้นก็เติบโตเพิ่มสาขาขึ้นไม่หยุด
ในปี ๒๕๔๕ ซีพี ออลล์ขยายสาขาเซเวน อีเลฟเวนไปตามสถานีบริการน้ำมัน ปตท.เพื่อให้ครอบคลุมได้ทั่วประเทศจนถึงสิ้นเดือนเมษายน ๒๕๕๓ เซเวน อีเลฟเวนในประเทศไทยมีสาขาถึง ๕,๔๔๒ สาขา เฉพาะในกรุงเทพฯกว่า ๓,๐๐๐ สาขา และตัวเลขยังวิ่งขึ้นทุกวัน เป็นอันดับ ๔ รองจาก ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และไต้หวัน มีลูกค้ากว่า ๔ ล้านคนต่อวัน โดยมียอดขายเฉลี่ยวันละ ๖๕,๐๑๙ ต่อสาขา
ในปี ๒๕๖๑ ที่ผ่านมา เซเวน อีเลฟเวน มีสาขา ๑๐,๙๘๘ สาขา เป็นรองแค่ญี่ปุ่นซึ่งมี ๒๐,๐๓๓ สาขา แต่ญี่ปุ่นก็มีจำนวนประชากร ๑๒๗ ล้านคน มากกว่าไทยเท่าตัวเช่นกัน อันดับ ๓ เป็นเกาหลีใต้ มี ๙,๒๐๐ สาขา มีประชากร ๕๑ ล้านคน ส่วนอเมริกาผู้ให้กำเนิดเซเวน อีเลฟเวน เป็นอันดับ ๔ มี ๘,๔๒๑ สาขา มีประชากรถึง ๓๒๓ ล้านคน
ในด้านรายได้ ในปี ๒๕๖๑ เซเวน อีเลฟเวนในไทย มีรายได้ ๓๐๘,๘๔๘ ล้านบาท มีกำไรก่อนหักภาษี ๘๕,๖๙๗ ล้านบาท เฉลี่ยในหนึ่งวันมีลูกค้า ๑,๑๘๕ คนต่อสาขา ใช้จ่าย ๖๙ บาทต่อบิลล์ มีรายได้ ๘๑.๗๘๘ ต่อสาขา
ในปี ๒๕๖๒ นี้ ซีพี ออลตั้งเป้าจะขยายสาขาเซเวน อีเลฟเวนขึ้นอีก ๗๐๐ สาขา ทั้งจะสวมบทบาทเป็น “แบงกิ้งเอเยนต์” รับฝาก-ถอนเงินให้ธนาคารออมสินและ SCB ธุรกิจอาหารตามสั่ง บริการรับส่งพัสดุภายใต้แบรนด์ Speed D ขายกาแฟ ซัก อบ รีด จุดคืนภาษีนักท่องเที่ยว และร้านขายยา รวมถึงเตรียมทำธุรกิจดูแลสุขภาพ ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ดูแล

นอกจากนี้ เซเวน อีเลฟเวนยังพยายามอัพเกรดตัวเองให้เป็นมากกว่าร้านสะดวกซื้อ แต่เป็นศูนย์รวมทุกอย่างที่ผู้บริโภคต้องการใช้ในชีวิตประจำวัน อย่างสาขาพัทยาก็มีขนาดใหญ่ มี ๒ ชั้น และมีห้องน้ำ มี Digital Aquarium และสื่อ Interactive เป็นต้น


                                      ห้องน้ำในเซเวน อีเลฟเวน ที่สาขาพัทยา

Source: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9620000084059