วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2562

V A R K การเรียนรู้แบบไหน … สไตล์คุณ


V A R K การเรียนรู้แบบไหน … สไตล์คุณ


คุณเคยทราบหรือไม่ว่าบุตรหลานของคุณหรือแม้กระทั่งตัวคุณเองชอบการเรียนรู้แบบไหน?
จริงอยู่ ที่เราทุกคนเรียนรู้ผ่านอายตนะ 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ไม่ว่าข้อมูลจะมาในรูปแบบใด เราก็สามารถรับรู้และเรียนรู้ได้ทั้งสิ้น แต่หากเราสังเกตให้ดี จะมีข้อมูลบางรูปแบบที่เรารับรู้ได้ง่ายและรวดเร็วกว่าข้อมูลบางรูปแบบ อาจนับได้ว่าเป็นความชอบเฉพาะตัวที่แต่ละคนมีแตกต่างกันไป แต่หากเรารู้สไตล์ที่ตัวเองชอบ เราก็สามารถหาวิธีเรียนรู้ที่เหมาะกับตัวเอง และเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้จดจำของตัวเองให้ดียิ่งขึ้นได้




Fleming, N.D. and Mills, C. (1992) แบ่งสไตล์การเรียนรู้ตามความความชอบหรือความถนัดในการรับข้อมูลไว้ 4 กลุ่ม โดย เรียกชื่อการแบ่งกลุ่มนี้ว่า VARK Model หรือ VARK Learning Styles

กลุ่ม V = Visual รูปแบบการเรียนรู้ที่สื่อด้วยภาพและสัญลักษณ์

ไม่เพียงแต่ภาพเท่านั้นที่คนรักการเรียนรู้รูปแบบนี้ชื่นชอบ แต่พวกเขายังสามารถมองเห็นข้อมูลต่างๆ ในรูปแบบแผนที่ แผนผัง แผนภาพ กราฟ แผนภูมิ และลูกศรสัญลักษณ์ต่างๆ อีกด้วย และสิ่งเหล่านี้ ก็ดีกว่าการบอกเล่าเป็นคำพูดหรือลายลักษณ์อักษร

ถ้าคุณเป็นคนกลุ่ม V คุณจะ

ชอบทำงานหรืออ่านหนังสือในบรรยากาศที่เงียบสงบ

ชอบวางแผนก่อนลงมือทำ

อ่านและทำความเข้าใจกับแผนที่ แผนภูมิ และภาษาสัญลักษณ์ได้ดี

ชอบเห็นภาพรวมก่อนที่จะเจาะลึกลงในรายละเอียด

ชอบสีสันและสามารถจำแนกแยกแยะสิ่งต่างๆ จากรูปลักษณ์และสีสัน

สามารถจำลองเรื่องราว ลำดับเหตุการณ์ และขั้นตอนต่างๆ ที่ได้เห็น เป็นภาพหรือแผนภาพในสมอง



กลุ่ม A = Aural / Auditory รูปแบบการเรียนรู้ที่สื่อด้วยเสียง

รูปแบบที่รับรู้ข้อมูลผ่านโสตประสาท หรือผ่านการได้ยินได้ฟัง ผู้ที่มีสไตล์การเรียนรู้แบบนี้จะชื่นชอบการฟังบรรยาย ฟังเทป การสนทนากลุ่มย่อย การพูดคุยทางโทรศัพท์ แม้แต่การพูดคุยกับตัวเอง หรือคิดออกมาดังๆ เพื่อเรียบเรียงความคิด และหาคำตอบให้กับเรื่องที่ครุ่นคิดอยู่ขณะนั้น ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นคนกลุ่มนี้พูดคนเดียว หรือพูดกับหนังสือในมือ เพราะกำลังใช้ความคิดผ่านการพูด

ถ้าคุณเป็นคนกลุ่ม A คุณจะ
ชอบอ่านออกเสียงดัง ๆ

ไม่อายที่จะพูดต่อสาธารณชน

ชอบฟังคำอธิบาย และชอบอธิบาย

จดจำชื่อคนและสิ่งต่างๆ ได้ดี

ได้ยินและระบุเสียงประกอบฉากที่ได้ยินในภาพยนตร์ได้

ชอบฟังดนตรี

เรียนภาษาที่สองหรือภาษาต่างประเทศได้ดี

อ่านช้า ๆ

อยู่เงียบๆ ไม่ได้นาน

ชอบขึ้นแสดงบนเวที เช่น ละคร ทอล์คโชว์

ปฏิบัติตามคำบอกได้ดี


กลุ่ม R = Read / write รูปแบบการเรียนรู้ที่สื่อด้วยอักษร

สไตล์การเรียนรู้รูปแบบนี้ชื่นชอบข้อมูลที่เป็นลายลักษณ์อักษร จึงไม่น่าแปลกใจที่นักวิชาการทั้งหลายจะมีลักษณะการเรียนรู้รูปแบบนี้โดดเด่นมาก เพราะเป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่เน้นการรับและส่งข้อมูลผ่านการอ่านและการเขียน เห็นได้ชัดว่า ผู้ที่ชื่นชอบสไตล์นี้มักจะพกพาพจนานุกรม, dictionary, power point เอกสารต่างๆ ติดตัวไว้เสมอ และเป็นผู้ใช้อินเตอร์เน็ตตัวเอง

ถ้าคุณเป็นคนกลุ่ม R คุณจะ

ชอบอ่านทุกสิ่งทุกอย่าง
พกสมุดโน้ต และปากกาติดตัว (หรือเครื่องบันทึกอื่นๆ เช่น tablet notebook)
ค้นหาข้อมูลบนอินเตอร์เนตเป็นประจำ
มีพจนานุกรม dictionary อยู่ใกล้ตัวเสมอ
ชอบเล่นกับตัวอักษร เช่น crossword, scrabble
เขียน diary, logbook หรือ รายการสิ่งที่กระทำในแต่ละวัน
สะสมตำรา เช่น ตำราทำอาหาร ตำราการออกกายบริหาร ตำราพัฒนาบุคลิกภาพ ฯลฯ
ปฏิบัติตามคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษรได้ดี
ชอบเขียนบทความ ความคิดเห็น เรื่องแต่ง สารคดี ฯลฯ

กลุ่ม K = Kinesthetic รูปแบบการเรียนรู้ที่สื่อด้วยสัมผัสและการกระทำ

คำจำกัดความของรูปแบบการเรียนรู้รูปแบบนี้คือ การใช้ประสบการณ์และการลงมือปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นในสถานการณ์จำลองหรือสถานการจริงก็ตาม ถึงแม้ว่าประสบการณ์จะมีผลกระตุ้นการเรียนรู้ทุกรูปแบบก็ตาม แต่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบสไตล์การเรียนรู้แบบนี้จะต้องเชื่อมโยงกับความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ตรงส่วนตัว ตัวอย่าง แบบจำลอง การลงมือปฏิบัติ หรือสถานการณ์จำลอง ทั้งนี้รวมถึง การสาธิต การจำลองสถานการณ์ด้วยภาพยนตร์ ละคร หรือกรณีศึกษา

ถ้าคุณเป็นคนกลุ่ม K คุณจะ

สนุกสนานกับการค้นคว้า ทดลอง ลงมือปฎิบัติ การสาธิต และทัศนศึกษา
จดจำได้ดีเมื่อมีการใช้อุปกรณ์ สร้างแบบจำลอง และจับต้องสิ่งที่กำลังเรียนรู้
นั่งอยู่เฉย ๆ นาน ๆ ไม่ได้ ชอบเดินไปมา และเปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ
มีแนวโน้มเป็นนักสะสม
พูดเร็ว และชอบแสดงท่าทางประกอบ
ชอบเล่นกีฬาหรือเครื่องดนตรี
ชอบเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ มากกว่าเป็นผู้สังเกตการณ์
ปฏิบัติตามการสาธิตได้ดี

http://www.okmd.or.th/bbl/articles/217/VARK-how-learning-you-style






วันอังคารที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2562

เมื่อไหร่ที่คุณจะซื้อ iPhone 11 ได้ในราคาน่าคบหาที่สุด!

1 ต.ค. 2562 18:39 โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ในที่สุดสาวก iPhone (ไอโฟน) ก็ได้เฮฮากันอีกครั้งเมื่อถึงเวลาที่ Apple เปิดตัว iPhone 11 พร้อมราคาที่ถูกลงกว่ารุ่นก่อน ๆ สนนราคาเปิดตัวเริ่มต้นที่ 699 ดอลลาห์สหรัฐ ในขณะที่ iPhone XR รุ่นก่อนหน้าเปิดตัวที่ 749 ดอลลาห์สหรัฐเมื่อช่วงตุลาคมปี 2018 ที่ผ่านมา

แน่นอนว่ามีเหล่าแฟนคลับมือหนักมากมายที่เมื่อไอโฟนรุ่นใหม่เปิดตัวปุ๊บก็เป็นต้องขวนขวายให้ได้มาครอบครองปั๊บ บ้างถึงขั้นบินไปหิ้วมาจากประเทศที่เปิดวางจำหน่ายก่อนหน้าเลยก็มี แต่ก็มีสาวกไอโฟนจำนวนไม่น้อยที่รอจับไอโฟนรุ่นก่อน ๆ ซึ่งคาดว่าราคาคงกำลังลดลง หรือไม่ก็เฝ้ารอวันที่ราคาของ iPhone 11 จะลดลงจนราคาเป็นมิตรกว่านี้

และเพราะแฟนคลับไอโฟนมีพฤติกรรมหลากหลายดั่งตัวอย่างที่กล่าวข้างต้น ทำให้ iPrice (มาเลเซีย) แพลตฟอร์มเปรียบเทียบราคาสินค้าออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้งัดประวัติราคาไอโฟนใน 4 รุ่นท็อปก่อนหน้ามาวิเคราะห์กันให้เห็นกันจะ ๆ ว่า จริง ๆ แล้วเราต้องรออีกนานแค่ไหนกว่าราคา iPhone 11 จะลดลงในราคาสบายกระเป๋ากว่านี้

โดย iPrice ได้แบ่งช่วงเวลาที่มักพบราคาของไอโฟนลดลงเป็น 2 ช่วงด้วยกัน คือ 6 เดือน และ 12 เดือนหลังเปิดตัว ซึ่งผลการสำรวจนี้ทำให้พบข้อมูลที่น่าสนใจถึง 5 ประการด้วยกัน ดังนี้




คุณต้องรอถึง 3 ปี หากอยากซื้อ iPhone 11 ครึ่งราคาจากราคาเปิดตัว จากผลสำรวจของราคา iPhone 7 ที่เปิดตัวเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งปัจจุบันมีราคาลดลงที่ 55%
ส่วนใหญ่ราคาไอโฟนทุกรุ่นจะเริ่มลดลง 6 เดือนหลังจากวันเปิดตัว แต่ก็มีค่าเฉลี่ยของราคาที่ลดลงเพียงเล็กน้อยโดยประมาณ 5% เท่านั้น
หากคุณเป็นแฟนคลับที่คอยจับโมเดลรุ่นก่อนหน้าของ iPhone เป็นหลัก ส่วนใหญ่แล้วราคาจะลดลงโดยเฉลี่ย 16% หลังเปิดตัว 12 เดือน (ตัวอย่างเช่น ตอนนี้ iPhone 11 เปิดตัว หมายความว่า iPhone XS จะมีราคาลดลงโดยเฉลี่ย 16%)
iPhone X คือรุ่นที่มีราคาลดลงมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบรุ่นอื่น ๆ ในตระกูล เพียงระยะเวลา 6 เดือน iPhone X มีราคาลดลงโดยเฉลี่ยถึง 11% และหลังเปิดตัว 12 เดือนไอโฟนรุ่นนี้ก็มีราคาลดลงถึง 27% คาดเกิดจากการที่ Apple ประกาศหยุดการพัฒนา iPhone X หลังเปิดตัว 1 ปี โดยเปลี่ยนไปมุ่งพัฒนา iPhone XS แทน
จากผลการสำรวจราคาลดลงของไอโฟนนี้คาดว่า ในอีก 6 เดือนหลังการเปิดตัว iPhone 11 ราคาของ iPhone รุ่นนี้คงอยู่ในเกณฑ์ที่เหล่าแฟนคลับซื้อหาได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะด้วยราคาที่อาจลดลงโดยประมาณ 5% ก็ดี หรือการที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายมีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าแล้วก็ตาม และถ้าคุณเป็นหนึ่งในแฟนคลับที่ชื่นชอบเทคโนโลยีของ iPhone โดยไม่ได้ต้องการหามาครอบครองตามเทรนด์เพื่อใช้งานอวดโฉมในเร็ววัน คาดว่าอีก 3 ปี ให้หลัง ราคา iPhone 11 อาจลดลงถึง 55% โดยมีราคาอยู่ที่หมื่นกลาง ๆ เท่านั้นเอง ถ้าคุณรอได้อ่ะนะ
แล้วราคาไอโฟนในไทย 4 รุ่นท็อปก่อนหน้าล่ะผันผวนขนาดไหนในปีที่ iPhone 11 เปิดตัว?





มาถึงผลการสำรวจข้อมูลราคา iPhone ในไทยในปีที่ iPhone 11 เปิดตัวกันบ้าง ว่าเหตุการณ์นี้ทำให้บรรดาไอโฟน 4 รุ่นท็อปก่อนหน้าราคาขึ้น-ลงขนาดไหน (นับจากเดือนมกราคม 2019: ปีเดียวกับที่ iPhone 11 เปิดตัว)


iPhone 7: เริ่มจากเดือนมกราคม 2019 ถึง เดือนมิถุนายน 2019 พบว่า เป็นไอโฟน 1 ใน 4 รุ่นท็อป ที่มีราคาเพิ่มขึ้น 8.96% แต่ถัดมาเพียงหนึ่งเดือน (ก.ค. 2019) กลับลดลง 10.76% และลดถึง 29.99% ในเดือนสิงหาคม 2019
iPhone 8: ในเดือนมิถุนายน 2019 ไอโฟนรุ่นนี้มีราคาลดลงถึง 8.03% เดือนกรกฎาคม 2019 ลดลงที่ 21.05% และหนึ่งเดือนก่อนที่ iPhone 11 เปิดตัว (สิงหาคม 2019) ลดลงถึง 39.41%
iPhone X: มีราคาลดลงเล็กน้อยในเดือนมิถุนายน 2019 ที่ 3.6% แต่กลับลดลงแบบก้าวกระโดดในเดือนกรกฎาคม 2019 ที่ 36.17 และก่อนไอโฟนรุ่นใหม่เปิดตัวหนึ่งเดือน (สิงหาคม 2019) ลดลงถึง 45.77%
iPhone XS: ราคาลดลงเพียงเล็กน้อยในเดือนมิถุนายน 2019 ที่ 0.76% และลดลงเพิ่มอีกในเดือนถัดไป (กรกฎาคม 2019) 7.03% และในเดือนสิงคาคม 2019 ลดเพิ่มอีกเล็กน้อยที่ 8.1%


สรุปผลกระทบของราคาไอโฟน 4 รุ่นก่อนหน้าในปีที่ iPhone 11 (2019) ประกาศเปิดตัวคือ ไอโฟนทั้ง 4 รุ่นมีราคาลดลงเล็กน้อยโดยเฉลี่ย 0.4% ในเดือนมิถุนายน 2019 จากนั้นเริ่มลดลงมากขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2019 ถึง 18.82% และมีราคาลดลงโดยเฉลี่ยในหนึ่งเดือนก่อนที่ iPhone 11 จะเปิดตัวมากถึง 30%

ถือเป็นไกด์ไลน์ที่ช่วยให้สาวกไอโฟนเตรียมตัวทำการบ้านสำหรับไอโฟนที่จะเปิดตัวในอนาคตได้ จะเห็นว่าส่วนใหญ่ไอโฟนจะเปิดตัวรุ่นใหม่ในไตรมาสที่ 4 ของทุกปี หากยังอยากได้ไอโฟนรุ่นวันวานยังหวานอยู่ทั้งหลายหลังจบไตรมาสที่ 3 ของทุกปีนี่แหละถือเป็นช่วยเวลาที่ประหยัดตังในกระเป๋าที่สุด หากช้ากว่านั้นอาจได้โมเดลตกรุ่นก็เป็นได้

การสำรวจราคาลดลงของไอโฟนในปีเดียวกับที่ไอโฟนรุ่นใหม่จะเปิดตัวนี้ทำให้พบว่า ไอโฟนรุ่นที่มีราคาลดลงที่สุดคือ ไอโฟนสองรุ่นก่อนหน้า iPhone 11 (รุ่นเปิดตัวใหม่) ในการสำรวจนี้คือ iPhone X อาจเป็นเพราะเป็นรุ่นที่ Apple ประกาศยกเลิกการพัฒนาหลังการวางจำหน่าย 1 ปี เป็นเหตุผลร่วมด้วย

หากตัด iPhone X ออกจากการสำรวจจะพบว่า iPhone 8 เป็นรุ่นที่มีราคาลดลงมากที่สุด (รองจาก iPhone X ที่ตัดออกไป) ถึง 39.41% หรือกล่าวโดยสรุปคือไอโฟนที่เปิดตัวก่อนหน้า 2 ปีคือรุ่นที่มีราคาลดลงมากที่สุดในปีที่ไอโฟนรุ่นใหม่ประกาศเปิดตัว

Source: https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9620000094688