วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ซูเปอร์สตาร์ 'ฮาร์วาร์ด'­ กับ ชีวิตที่พลิกผัน

ซูเปอร์สตาร์ 'ฮาร์วาร์ด กับ ชีวิตที่พลิกผัน

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2554 
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ศ.ดร.วรภัทร โตธนะเกษม

เมื่อปี พ.ศ.2540 มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้รับนักศึกษาอเมริกันคนหนึ่ง เข้าเรียนในหลักสูตร MBA ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มีชื่อเสียงลือลั่นไปทั่วโลก
เขาเป็นชายหนุ่มอเมริกันเชื้อชาติอินเดีย ผู้มีชื่อว่า ซาเมอร์ บาไร (Samir Barai)
ซาเมอร์ เป็นบุคคลพิเศษ และเป็นนักศึกษาที่ได้รับความสนใจอย่างยิ่ง เหตุเพราะเขามีความพิการทางหูตั้งแต่กำเนิด โดยหูของเขาหนวกเกือบสนิท ความสามารถในการรับฟังหายไปถึง 96% แต่ด้วยความมุ่งมั่นของเขาเอง และด้วยสังคมอเมริกันเปิดโอกาสให้แก่คนพิการ เขาจึงได้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มาได้โดยตลอด จนได้เข้าเรียนและสำเร็จระดับปริญญาตรีทางบริหารธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงอย่างยิ่ง คือมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก

สำหรับการเรียนในหลักสูตรเอ็ม บี เอ ที่ฮาร์วาร์ด นั้น ใครๆ ก็ทราบว่านักศึกษาจะต้อง อภิปรายถกเถียงปัญหากันในชั้นเรียนอย่างหนัก และมีคะแนนการอภิปรายปัญหา สูงถึง 50% ดังนั้นการที่ซาเมอร์หูพิการ แล้วเขาจะเรียนได้อย่างไร ซึ่งประเด็นนี้ก็เป็นที่กังวลของฮาร์วาร์ด เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ก่อนเขาเข้าเรียนที่ฮาร์วาร์ด นั้น ซาเมอร์ ได้เข้าทำการผ่าตัดโดยใช้เทคโนโลยีทันสมัย ซึ่งช่วยให้เขาได้ยินเสียงเพิ่มขึ้นบ้าง และในห้องเรียน เขาก็พยายามทำความเข้าใจคำสอนของอาจารย์ รวมทั้งคำอภิปรายของเพื่อนๆ โดยดูการเคลื่อนไหวของริมฝีปาก และยังมีผู้ช่วยอีกคนหนึ่งนั่งเคียงข้างเขา ตลอดเวลา เพื่อคอยอธิบายให้เขาเข้าใจอย่างถูกต้อง

เมื่อเป็นนักศึกษาพิการ และต้องต่อสู้ถึงเพียงนี้ ผู้คนและเพื่อนฝูงรอบข้าง จึงให้ความสนใจและเอาใจใส่เขาเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าเขาเป็น ซูเปอร์สตาร์ คนหนึ่งของรุ่น นั่นแหละ และอีกสองปีต่อมา ในปี พ.ศ.2542 ซาเมอร์ก็สำเร็จการศึกษา ได้รับปริญญาโท เอ็ม บี เอ จากฮาร์วาร์ด จึงกล่าวได้ว่า เขาเป็นสุดยอดของตัวอย่างการต่อสู้ชีวิตจนประสบความสำเร็จอันน่าภาคภูมิใจ และจากนั้นเขาก็เติบโตอย่างต่อเนื่องในการทำงานจนได้ดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการเฮดจ์ฟันด์ ที่ซิตี้แบงก์ ก่อนที่จะลาออกมา ตั้งบริษัทจัดการลงทุนเป็นของตนเองที่นครนิวยอร์ก  โดยให้ชื่อว่า “Barai Capital”
 ชีวิตของซาเมอร์ เหมือนฝันที่เป็นจริง  และชีวิตของเขาก็น่าที่จะดำเนินต่อไปอย่างน่าประทับใจ ถ้าหากไม่เกิดเหตุพลิกผันเสียก่อน คือเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2554  หนุ่มใหญ่วัย 39 ปี ซาเมอร์ ซูเปอร์สตาร์ จากฮาร์วาร์ด ได้ถูกจับดำเนินคดี ที่นครนิวยอร์ก ในข้อหาลงทุนโดยใช้ข้อมูลภายใน

 ซาเมอร์ จึงเป็น ฮาร์วาร์ด เอ็มบีเอ คนล่าสุด ที่เข้าไปมีรายชื่อร่วมกับรุ่นพี่ ซึ่งเป็นซูเปอร์สตาร์ ฮาร์วาร์ด อีกจำนวนหนึ่ง ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาต่างๆ เช่น เจฟฟรี่ สกิลลิ่ง อดีตซีอีโอ ของเอนรอน บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ล่มสลายไปแล้ว เป็นต้น แต่ถ้าจะให้เป็นการยุติธรรม กับฮาร์วาร์ดแล้ว ผมก็ต้องกล่าวไว้ ณ ที่นี้ ด้วยว่า ซูเปอร์สตาร์ เอ็มบีเอ จากสถาบันอื่นที่โด่งดัง เช่น  Kellogg หรือ Wharton ฯลฯ ก็มีผู้ถูกจับดำเนินคดีเพราะทุจริตต่อหน้าที่ มาแล้ว เช่นกัน

 คนเราเวลาเก่งมากๆ ถ้าหากนำความเก่งไปใช้ในทางที่ผิด ก็นับว่าเป็นอันตราย และสร้างความเสียหายต่อสังคมได้มาก เรื่องราวของ ซูเปอร์สตาร์เหล่านี้ เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน ดังนั้น มหาวิทยาลัยที่สอนวิชาบริหารธุรกิจจึงมีความวิตกกังวลกันอย่างยิ่งว่า ทำอย่างไร จึงจะสอนคนให้ออกมาเป็นนักบริหารที่ทั้งเก่ง และดีได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลักสูตรที่มีชื่อเสียงระดับโลก อย่าง ฮาร์วาร์ด เคลล็อก วาร์ตัน สแตนฟอร์ด ฯลฯ ซึ่งรับนักศึกษาที่ เก่งมากๆจากทั่วโลก ก็ถูกจับตามองว่าสถาบันเหล่านี้ จะเผชิญกับความท้าทายนี้ อย่างไร

 วิชาจริยธรรมธุรกิจ กลายเป็นวิชาหลัก ซึ่งทุกสถาบัน ต่างบรรจุไว้ในหลักสูตร แต่ก็ไม่มีใครคาดหวังได้ว่าจะได้ผลเต็มที่ เพราะในความเป็นจริงแล้ว ทุกสังคม ย่อมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ปะปนกันไป ดังนั้น เมื่อมหาวิทยาลัยรับนักศึกษาเข้าเรียน ปีละเป็นพันคน จึงไม่น่าประหลาดใจอะไร ถ้าหากจะมีสักคนหรือสองคน ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
 เดือนมกราคม และกุมภาพันธ์ เป็นช่วงเวลาที่ มหาวิทยาลัยระดับสุดยอด เอ็มบีเอ ของอเมริกา ประกาศรายชื่อผู้ที่ ได้รับการคัดเลือกให้เข้าเป็น นักศึกษาใหม่ จึงเป็นช่วงเวลาแห่งการ ลุ้นของผู้สมัครจากทั่วโลก (ซึ่งทุกคนต่างมีคะแนนการเรียนและการสอบที่ สูงมากๆ ทั้งนั้น) สำหรับคนที่ผ่านเข้าไปในรอบสอบสัมภาษณ์ ก็ดีใจกันทั่วหน้า แต่เมื่อผลการสอบสัมภาษณ์ ออกมา ปรากฏเป็นข่าวว่า ผู้สมัครซึ่งมีคะแนนสอบข้อเขียนดี และมีประสบการณ์ รวมทั้งผลการทำงาน ในระดับสุดยอด จากบริษัทลงทุน และ บริษัทที่ปรึกษาระดับโลก ซึ่งตั้งอยู่ที่วอลล์สตรีท นั้น ฮาร์วาร์ด รับเข้าเรียนในสัดส่วนที่น้อยกว่าปีก่อนๆ ค่อนข้างมาก กล่าวคือมีผู้สมัครที่มีคุณสมบัติระดับซูเปอร์สตาร์ ที่ได้รับจดหมายปฏิเสธ หรือ แจ้งว่ารับเป็นตัวสำรอง เท่านั้น จำนวนสูงขึ้นอย่างชัดเจน นับว่าเป็นที่ฮือฮากันในวงการทีเดียว และต่างถามกันให้แซดว่า ฮาร์วาร์ด กำลังคิดอะไรอยู่?

ผู้เชี่ยวชาญหลายคน คาดว่าคงเป็นเพราะ ฮาร์วาร์ด เพิ่งจะได้คณบดีคนใหม่ ซึ่งเน้นย้ำในเรื่องจริยธรรมธุรกิจ และมีนโยบายส่งเสริมให้มีนักบริหารเก่งๆ เพิ่มมากขึ้นในวงการอื่นๆ นอกเหนือจาก วอลล์สตรีท เช่น ในวงการสุขภาพ หรือ ผู้ประกอบการรายย่อย หรือองค์กรพัฒนาสังคม และสถาบันทหาร เป็นต้น ดังนั้นปีนี้ จึงเริ่มเห็น การรับนักศึกษาที่มาจากบริษัทลงทุน หรือบริษัทที่ปรึกษาขนาดใหญ่ มีสัดส่วนน้อยลงจากเดิม

 การที่ซูเปอร์สตาร์ ประพฤติผิดนั้น ผมว่าเราจะไปโทษสถาบันการศึกษาเสียทั้งหมด ก็คงไม่ได้ เพราะนักศึกษา เข้าไปใช้ชีวิตที่นั่นเพียงสองปีเท่านั้น ต่อให้มีอาจารย์ระดับโลกสักกี่คน ก็คงไม่สามารถขัดเกลา พวกเขาให้เป็นคนดี ได้ทุกคน นอกจากนั้นทุกวงการ ก็ย่อมมีคนไม่ดี แทรกอยู่เสมอ ดังนั้น ซาเมอร์ จึงเป็นเพียงซูเปอร์สตาร์ อีกคนหนึ่ง ที่ผ่านมา และ ก็จะผ่านไป เพื่อรอวันเวลาที่ ซูเปอร์สตาร์ คนใหม่ ที่จะตกเป็นข่าวในทำนองเดียวกันอีก เท่านั้น

 ก่อนจบ ก็อยากจะบอกคุณผู้อ่านไว้อีกสักนิดว่า ความจริงแล้ว นอกจาก ฮาร์วาร์ด จะมี เอ็ม บี เอ ซูเปอร์สตาร์ ที่ชีวิตพลิกผันจนถูกจับดำเนินคดี อย่าง เจฟ สกิลลิ่ง หรือ ซาเมอร์ บาร์ไร แล้ว ฮาร์วาร์ด ก็ยังเคยมีนักศึกษาอีกสองคน ซึ่งเป็นนักศึกษาที่มีปัญหา ตั้งแต่ยังเรียนอยู่ จนทำให้เรียนไม่สำเร็จ ต้องลาออกจากฮาร์วาร์ด กลางคัน เป็นพวกดร็อปเอาท์ นั่นแหละครับ
คนแรกมีชื่อว่า บิล เกตส์  และอีกคนชื่อ มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก

เห็นชื่อแล้ว ใครอยากเป็นนักศึกษาฮาร์วาร์ด ที่เรียนไม่จบ บ้างครับ

ไม่มีความคิดเห็น: