วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2560

พ่อค้าความตายแห่งโลก จบแล้ว...อเมริกา


โดย ทับทิม พญาไท

จบแล้ว...อเมริกา!!!
พันเอกลอว์เรนซ์ วิลเคอร์สัน

เมื่อช่วงกลางเดือนมีนาฯ ที่ผ่านมา อดีตหัวหน้าคณะเสนาธิการประจำรัฐมนตรีกลาโหม “คอลิน พอเวลล์” (Colin Powell) ชื่อว่า “พันเอกลอว์เรนซ์ วิลเคอร์สัน” (Lawrence Wilkerson) ได้ไปให้สัมภาษณ์กับ “พอล เจย์” (Paul Jay) แห่งสำนักข่าว “Real News Network” ถึงแนวโน้มอนาคตของประเทศอภิมหาอำนาจสูงสุดอย่างอเมริกาไว้แบบน่าสนใจเอามากๆ ด้วยข้อสรุปที่ว่า “อเมริกานั้น...ไม่ใช่เป็นเพียงแค่จักรวรรดิที่กำลังเสื่อม แต่เป็นจักรวรรดิที่กำลังอยู่ริมขอบเหวแห่งการล่มสลาย...”

เหตุที่ “พันเอกวิลเคอร์สัน” แกกล้า “ฟันธง” เอาไว้ในรูปนี้ก็คงไม่มีอะไรมาก คือมาจากมุมมองทางด้านการทหารอันเป็นสิ่งที่แกเชี่ยวชาญเป็นทุนเดิมนั่นเอง เพราะถึงแม้ “กองทัพสหรัฐฯ” นั้น จะยิ่งใหญ่เกรียงไกรเพียงใดก็ตาม ดำรงสถานะเป็น “พ่อค้าความตายแห่งโลก” (The Death Merchant of the World) ตามสำนวนที่แกให้คำนิยามเอาไว้ มีกองทัพประจำการถึง 2.1 ล้านคน 200,000 คนอยู่ในฐานทัพ 800 แห่งใน 177 ประเทศทั่วโลก แต่อดีตหัวหน้าคณะเสนาธิการรัฐมนตรีกลาโหมรายนี้กลับเห็นว่า ความแข็งแกร่งทางทหารของสหรัฐฯ นั้น ค่อยๆ กลายมาเป็น “จุดอ่อน” อันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ นั่นเอง ที่ได้ก่อให้เกิด “ศัตรู” ในหลายๆ แนวรบ จนเกินกว่าที่กองทัพสหรัฐฯ จะสามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้...

บัญชีรายชื่อของ “ศัตรู” ในแต่ละตัว ที่ฝ่ายการเมืองพยายามยัดเยียดให้กับกองทัพ ไม่ว่าไล่มาตั้งแต่จีน รัสเซีย อิหร่าน โยงไปถึงฮิซบอลเลาะห์ (Hezbollah) ในเลบานอน ตามด้วยเกาหลีเหนือ หรือแม้แต่ประเทศเล็กๆ อย่างซีเรีย เวเนซุเอลา ฯลฯ ก็ยังไม่มีข้อยกเว้น ภายใต้ภาวะเช่นนี้...ทำให้ในช่วงปีค.ศ. 2015 หน่วยงานด้านการคิดการประเมินสถานการณ์ของอเมริกา คือหน่วยงาน “Think-Thank Assessment” ถึงกับต้องสรุปเป็นเอกสารรายงานไปถึงคณะรัฐบาลว่า “กองทัพสหรัฐฯ ไม่มีความพร้อมเพียงพอที่จะเปิดศึกพร้อมกันทั้ง 2 แนวรบ” แต่โดยข้อเท็จจริง...เมื่อมาถึง ณ ขณะนี้ กองทัพสหรัฐฯ ต้องแบกรับภารกิจในการเผชิญหน้ากับศัตรูไม่รู้กี่แนวรบต่อแนวรบ ล่าสุด...ก็เพิ่งกาหัวเกาหลีเหนือ ที่มี “บ้องข้าวหลามยักษ์” อยู่ในมือไปอีกจนได้...

ยิ่งในช่วงที่ “นายทรัมป์” ผงาดขึ้นเป็นประธานาธิบดีพร้อมคำขวัญ สโลแกน ว่า “จะทำให้อเมริกากลับคืนมาสู่ความยิ่งใหญ่” อีกครั้ง ก็เริ่มเป็นที่ชัดเจนยิ่งขึ้นแล้วว่า “ความยิ่งใหญ่” ที่ว่า คงไม่ได้หมายถึงการหมกตัวอยู่ในกำแพงเม็กซิโก เปิดศึกสงครามการค้า พร้อมกับโดดเดี่ยวตัวเองอย่างที่ใครคิดๆกัน เพราะโดยตัวเลขงบประมาณราวๆ 3.65 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ “นายทรัมป์” แกเอามาเพิ่มให้กับกิจการทหารและความมั่นคงแบบขี้แตก ขี้แตน เอาเลยทีเดียว เฉพาะกลาโหมเพิ่มขึ้นไปอีก 9 เปอร์เซ็นต์ หรืออีก 54,000 ล้านดอลลาร์ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิเพิ่มขึ้นไป 7 เปอร์เซ็นต์ โดยหันไปตัดงบสวัสดิการ งบการดูแลรักษาสุขภาพและความมั่นคงในชีวิตของอเมริกันชนกันแทนที่...

พูดง่ายๆ ว่า...ดูจากการจัดสรรตัวเลขงบประมาณ ต้องเรียกว่า...ออกไปทาง “มันเอาเราแน่” คือมุ่งที่จะทำให้ “ความยิ่งใหญ่อีกครั้งของอเมริกา” ก็คือ “ความยิ่งใหญ่ทางทหาร” อีกเช่นเดิมนั่นเอง การขู่จีน ขู่เกาหลีเหนือ ไม่ยอมแสดงท่าทีใดๆ กับรัสเซีย เสริมทัพในซีเรีย ในยุโรปตะวันออก ฯลฯ ชักเป็นท่าทีที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็นั่นแหละ...โอกาสที่จะ “ผ่านงบประมาณ” ตามแนวคิดที่ว่า ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นอกจากต้องรวมเสียงวุฒิสภาฝ่ายพรรครีพับลิกันให้ได้ครบ 52 เสียง ยังต้องไปงอนง้อสมาชิกเดโมแครตอีก 8 เสียงเป็นอย่างน้อย ถึงจะคลอดงบประมาณตามแนวคิดดังกล่าวออกมาได้จริงๆ และถึงคลอดออกมาแล้ว ยังมีปัญหาต่อเนื่องต่อไปอีกว่า “การขาดดุลงบประมาณ” เพื่อบรรลุความเป็น “เครื่องจักรทางทหาร” หรือเป็น “พ่อค้าแห่งความตาย” เช่นนี้ จะทำให้ต้องออกเรี่ยวออกแรงขอ “ขยายเพดานหนี้” ของสหรัฐฯ ที่ทะลุชนเพดานมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนกลายเป็นอุปสรรคขวากหนามต่อการบริหาร จัดการของรัฐบาลแต่ละรัฐบาลมาโดยตลอด ดังนั้น...ความพยายามขู่คำราม เปิดศึกไม่รู้กี่ด้านต่อกี่ด้าน ขณะที่ตัวเองกำลัง “บ่อจี๊” หรือกำลังเป็นหนี้ระดับสูงที่สุดในโลก จึงทำให้ข้อสรุปถึง “อนาคตของจักรวรรดิอเมริกา” ในทัศนะของ “พันเอกวิลเคอร์สัน” ถูกสรุปด้วยถ้อยคำแบบสั้นๆ ง่ายๆ แต่ชัดเจนแจ่มแจ๋ว เอามากๆ นั่นคือ...คำว่า “จบแล้ว...อเมริกา” ด้วยประการฉะนี้...

ที่มา http://manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9600000029810

ไม่มีความคิดเห็น: