วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558


คำสอนจาก “แจ็ค หม่า” ถึงเด็กราชภัฏทั่วประเทศ


โดย ซูม 7 ก.ค. 2558


ผมเขียนเรื่องข้อเท็จจริงของมหาวิทยาลัยราชภัฏไปเมื่อวานนี้ ว่า แม้เหตุการณ์ประท้วงหรือขัดแย้งระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏกับธนาคารไทยพาณิชย์จะจบลงแล้ว...แต่ผมยังไม่อยากให้จบ
เพราะอยากให้ประเด็นที่ฝ่ายบุคคลของธนาคารไทยพาณิชย์ จุดพลุขึ้น แม้จะเป็นเรื่องไม่สมควร แต่ก็เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทำอย่างไรเราจะช่วยกันคนละมือคนละไม้ เพื่อให้ทุกภาคส่วนของประเทศไทยยอมรับผู้เรียนจบจากราชภัฏมากขึ้น

แน่นอนวิธีที่ดีที่สุดก็คือ การปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยราชภัฏนั่นเอง
แต่ปัญหาก็มีอยู่มาก เพราะผู้เรียนส่วนใหญ่ล้วนเป็นเด็กที่เรียนไม่เก่ง และเป็นเด็กต่างจังหวัด จบจากโรงเรียนมัธยมแถวๆนั้น

ในขณะที่ครูบาอาจารย์ก็ขาดแคลนอย่างมาก เมื่อวานผมไม่ได้พูดถึงตัวเลข เพราะเนื้อที่จำกัด ขออนุญาตขยายความเพิ่มเติมในวันนี้

เริ่มจากวุฒิการศึกษาของอาจารย์ผู้สอน ตัวเลขในปี 2556 ชี้ให้เห็นว่ามหาวิทยาลัยเก่า 22 แห่ง มีอาจารย์จบปริญญาเอก 13,932 คน ปริญญาโท 12,591 คน และปริญญาตรี 2,255 คน

เทียบกับสถาบันการศึกษากลุ่มใหม่ 52 สถาบัน (รวมราชมงคลด้วย) มีปริญญาเอก 2,022 คน, ปริญญาโท 14,749 คน และปริญญาตรี 2,576 คน จะเห็นว่าอาจารย์ที่จบปริญญาเอกต่างกันลิบลับเลยแบบนี้เด็กๆในมหาวิทยาลัยกลุ่มใหม่ก็ต้องเสียเปรียบวันยังค่ำข้อมูลเหล่านี้รัฐบาลรู้อยู่แล้ว ผู้บริหารการศึกษารู้อยู่แล้ว เพราะเป็นข้อมูลเปิดเผยมิใช่ปกปิดแต่อย่างใด

ขอเพียงให้จริงจัง จริงใจที่จะช่วยแก้ปัญหาด้วยการทุ่มเทเอาใจใส่ให้มากขึ้นทุกสิ่งทุกอย่างจะดีกว่านี้เยอะส่วนลูกหลานที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยราชภัฏทั้งหลาย ผมก็ขอให้ทุกคนจงภาคภูมิในมหาวิทยาลัยของลูกๆหลานๆและอย่าได้ท้อถอย

การเรียนรู้การพัฒนาตัวเองนอกระบบมหาวิทยาลัย ยังมีอีกมากมายในประเทศนี้ ขออย่าปล่อยให้โอกาสผ่านไป

ผมเพิ่งอ่านหนังสือเรื่อง “อาลีบาบา เขย่าโลก” ของ สำนักพิมพ์ปราณ แปลจากเรื่องของ เยี่ย กวงเซิน โดย อนุรักษ์ กิจไพบูลทวี ซึ่งเป็นเรื่องราวของ Jack Ma มหาเศรษฐีคนล่าสุดของจีนที่นำเว็บไซต์ขายของอาลีบาบาของเขาไปขายที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จนกลายเป็นอัครมหาเศรษฐีระดับโลกในขณะนี้

แจ็ค หม่า เป็นเด็กนักเรียนสมองทื่อตกคณิตศาสตร์ แต่มีแรงบันดาลใจให้อยากเรียนภาษาอังกฤษจนภาษาอังกฤษแตกฉาน

เขาสอบเอ็นเข้ามหาวิทยาลัยดังของจีนไม่ได้หลายครั้ง...ครั้งล่าสุดได้เพียง มหาวิทยาลัยครูหางโจว เท่านั้น และก็ได้อย่างหวุดหวิด

ผมคาดเดาว่าสถานะของมหาวิทยาลัยครูหางโจวก็คงเหมือนมหาวิทยาลัยราชภัฏใดราชภัฏหนึ่งในบ้านเรานี่แหละ คือถูกมองว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ด้อยกว่ามหาวิทยาลัยดังๆของจีน

แต่เมื่อปี 2011 ที่ผ่านมา แจ็ค หม่า ผู้ประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงในเมืองจีนแล้ว ได้กลับไปเยี่ยมมหาวิทยาลัยและกล่าวไว้ว่า

“ผมเชื่อมั่นเสมอว่า มหาวิทยาลัยครูหางโจวเป็นมหาวิทยาลัยดีที่สุดในโลก ผมเคยไปเยือนมหาวิทยาลัยมาแล้วมากมาย ฮาวาร์ดก็ดี เอ็มไอทีก็ดี มหาวิทยาลัยปักกิ่ง มหาวิทยาลัยซิงหัวก็ดี ก็ไปมาแล้ว”

“แต่ผมก็ยังภาคภูมิใจในมหาวิทยาลัยครูหางโจว ผมพูดอยู่เสมอว่านี่คือ สถานศึกษาที่ดีที่สุด เพราะว่าดีและไม่ดีนั้นบ่อยครั้งไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนอื่นมองอย่างไร แต่ขึ้นอยู่กับว่าตัวคุณเองเชื่ออย่างไร”

“ในสายตาคนทั่วไปมหาวิทยาลัยครูหางโจวของเรานั้นต่างระดับกับมหาวิทยาลัยปักกิ่ง มหาวิทยาลัยซิงหัวก็จริง แต่เพราะมีความต่างระดับจึงช่วยมอบโอกาสให้กับเรา หากในคราวนั้นผมสอบติดมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ก็คงไม่มีแจ็ค หม่า ในวันนี้”

“เพราะมหาวิทยาลัยครูหางโจวมอบโอกาสนี้ให้ผม เพราะคุณเชื่อ คุณจึงมีโอกาส หากคุณไม่เชื่อคุณก็จะไม่มีโอกาสเลยแม้แต่นิดเดียว”

ผมขอฝากคำกล่าวของแจ็ค หม่า ไว้กับลูกหลานชาวมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศทุกคนนะครับ เพื่อเป็นกำลังใจที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง และสถาบันของลูกหลาน เฉกเช่น แจ็ค หม่า เชื่อมั่นในตัวเขาและมหาวิทยาลัยครูหางโจว.


“ซูม”


Source: http://www.thairath.co.th/content/509741

ไม่มีความคิดเห็น: