วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ทฤษฎีวิวัฒนาการ

ผู้จัดการออนไลน์
24 กรกฎาคม 2551

"ทฤษฎีวิวัฒนาการ" และ "ชาร์ลส์ ดาร์วิน" กลายเป็นคำที่ต้องมีปรากฏอยู่ในหนังสือเรียนวิชาชีววิทยาในเบื้องต้น ก่อนที่จะศึกษาลงลึกถึงระดับเซลล์และยีนต่อไป แต่ทฤษฎีนี้นี่เองกลับแบ่งแยกความคิดเห็น ออกเป็น 2 ฝ่าย บ้างก็เชื่อถือในทฤษฎีนี้ บ้างก็บอกว่าแนวคิดนี้เหลวไหล ไม่มีทีท่าว่าจะเป็นจริง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขัดแย้งกับความเชื่อในบางศาสนา "คุณเชื่อเรื่องวิวัฒนาการหรือไม่?" ผู้จัดการวิทยาศาสตร์มีความคิดเห็นของคนวงในมารายงาน ดร.รังสรรค์ พาลพ่าย หัวหน้าศูนย์วิจัยเทคโนโลยีตัวอ่อนและเซลล์ต้นกำเนิด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) "นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อในเรื่องวิวัฒนาการ สิ่งมีชีวิตต่างๆ เริ่มต้นมาจากสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว แล้วค่อยๆ วิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงเรื่อยมาจนมีความซับซ้อนมากขึ้น ส่วนตัวผม ซึ่งไม่ค่อยได้ติดตามเรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการสักเท่าไหร่" "แต่ก็ค่อนข้างเชื่อในทฤษฎีนี้ และเคยเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาสมิธโซเนียน (Smithsonian Institution National Museum of Natural History: NMNH) ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐฯ ซึ่งเขาจัดแสดงเรื่องวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบให้ชมกันอย่างน่าทึ่งมาก เชื่อว่าทฤษฎีวิวัฒนาการมีแนวโน้มเป็นไปได้มาก เพราะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เช่น ฟอสซิลสิ่งมีชีวิตต่างๆ มากมาย" "ส่วนอีกความเชื่อหนึ่งที่ว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมานั้น ก็อาจจะเป็นความจริงก็ได้ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าจริงหรือไม่" นางเพ็ชรรัตน์ ศรีวิลัย คุณครูสอนวิชาชีววิทยา ชั้น ม.4 และ ม.6 โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) "ครูเชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการ เพราะจากที่ครูได้อ่านทั้งที่เป็นบทความ วารสารทางวิชาการ และข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของทฤษฎีวิวัฒนาการ ทั้งที่เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ด้วยเหตุผลต่างๆ ที่เขาได้อ้างไว้มีความน่าเชื่อถือมาก และมีความเป็นไปได้สูง" "สำหรับนักเรียน ครูจะให้ข้อมูลเรื่องวิวัฒนาการแก่นักเรียนตามข้อมูลในหนังสือเรียน มีการตั้งคำถาม เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกคิด แต่หากยังมีนักเรียนบางส่วนที่ยังไม่เชื่อทฤษฎีวิวัฒนาการ จะบังคับให้ทุกคนเชื่อเหมือนกันหมดก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่สามารถแนะนำให้นักเรียนอ่านเพิ่มเติม นอกเหนือจากหนังสือเรียนด้วย และพิจารณาด้วยตัวเองว่า ยอมรับทฤษฎีนี้ได้หรือไม่ และสอนนักเรียนอยู่เสมอว่า ความรู้ทางวิทยาศาสตร์สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากมีข้อมูลใหม่มาหักล้างข้อมูลเดิม" รศ.ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล นักวิทยาศาสตร์ และนักเขียน "เชื่อตามสภาพการณ์และองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ขณะนี้ ซึ่งหลังจากที่ดาร์วินเสนอทฤษฎีวิวัฒนาการและตีพิมพ์หนังสือกำเนิดสปีชีส์ (On the Origin of Species) ก็ก่อให้เกิดการโต้แย้งของนักวิทยาศาสตร์ 2 ฝ่าย คือฝ่ายที่เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิต เป็นผลจากพันธุกรรม ส่วนอีกฝ่ายเชื่อว่าเป็นผลจากสิ่งแวดล้อม" "กระทั่งมีการนำเอาความหมายของทฤษฎีวิวัฒนาการไปใช้ในสังคมมนุษย์ จนเกิดเป็นคำว่า "ลัทธิดาร์วินทางสังคม" (Social Darwinism) ที่เชื่อว่าทายาทของคนในตระกูลสูงหรือมีฐานะ จะฉลาดและประสบความสำเร็จ มากกว่าคนที่มาจากตระกูลหรือฐานะด้อยกว่า จนเกิดกระแสพันธุกรรมนิยม ที่กีดกันผู้ที่ด้อยกว่า และโยงไปถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของนาซี" "หากดาร์วินยังมีชีวิตอยู่จนได้รับรู้ถึงผลที่ตามมาจากทฤษฎีของเขา เขาก็คงจะเสียใจอย่างมาก เพราะเขาต้องการอธิบายว่าสิ่งมีชีวิตมีวิวัฒนาการโดยการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ ในช่วงเวลาหลายล้านปีเพื่อให้ดำรงอยู่ได้ในสภาพแวดล้อม" "ส่วนความเห็นขัดแย้งในเรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการ ระหว่างวิทยาศาสตร์และศาสนาที่มีเรื่อยมาอย่างต่อเนื่อง เดี๋ยวนี้ฝ่ายที่ไม่เชื่อวิวัฒนาการ ก็มีลดน้อยลงแล้ว แต่คงจะไม่ได้หมดไปเลย อนาคตอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงอีกก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริบททางสังคมมากกว่า ซึ่งคล้ายกับวิทยาศาสตร์และโหราศาสตร์ในประเทศไทย" ศ.ดร.ระวี ภาวิไล นักดาราศาสตร์อาวุโส และอดีตอาจารย์ด้านดาราศาสตร์ ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย "ยอมรับไว้ว่าทฤษฎีวิวัฒนาการเป็นคำอธิบายที่ดีที่สุด ของมนุษย์เราในตอนนี้ที่เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตและการเกิดสปีชีส์ใหม่ ซึ่งดาร์วินได้ศึกษารวบรวมข้อมูลจากสัตว์ในธรรมชาติ พิจารณาประกอบกับสิ่งแวดล้อมในบริเวณที่อาศัยอยู่ เพื่อหาคำตอบว่าสัตว์เกิดขึ้น และเกิดการเปลี่ยนแปลงชาติพันธุ์ได้อย่างไร" "เป็นความพยายามที่จะอธิบายถึงความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในโลกนี้ ในแนวทางที่คิดว่ามีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นเช่นนั้น ซึ่งคนจำนวนไม่น้อยก็ให้การยอมรับในทฤษฎีวิวัฒนาการของเขา แต่หากในอนาคตมีการค้นพบหลักฐานหรือมีคำอธิบายอื่นที่น่าเชื่อถือและเป็นไปได้มากกว่า ก็อาจจะต้องยึดตามข้อมูลใหม่" ศ.ดร.สมศักดิ์ ปัญหา อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย "เชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการ เพราะมีหลักฐานหลายอย่างที่สนับสนุนทฤษฎีนี้ ทั้งสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ ซากฟอสซิลต่างๆ และการพิสูจน์ด้วยดีเอ็นเอ รวมทั้งการทดลองทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับจุลินทรีย์ชนิดต่างๆ ก็พบว่าจุลินทรีย์มีการปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้" "ซึ่งเรื่องวิวัฒนาการนี้ ก็มีอธิบายอยู่ในพระพุทธศาสนาด้วยเหมือนกัน ก็คือเรื่องของอนิจจังหรือความไม่เที่ยงนั่นเอง ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อย่างโลกของเราก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อย สิ่งมีชีวิตบางชนิดสูญพันธุ์ไป ก็มีสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นวิวัฒนาการขึ้นมาแทนที่ เป็นอย่างนี้เรื่อยมา" ศ.ดร.สุทัศน์ ศรีวัฒนพงษ์ นายกสมาคมเทคโนโลยีชีวภาพสัมพันธ์ (สทส.) "วิวัฒนาการนั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ยกตัวอย่างที่เข้าใจได้ง่าย เช่น ทำไมศัตรูพืชถึงระบาดได้ นั่นก็เพราะ นก หนู งู ที่เป็นศัตรูตามธรรมชาติของศัตรูพืชมีจำนวนลดลง ทำให้ขาดความสมดุลในธรรมชาติ เมื่อธรรมชาติเปลี่ยนไป สิ่งมีชีวิตก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ และเกิดวิวัฒนาการต่อๆ ไป" ศ.ดร.มรกต ตันติเจริญ ที่ปรึกษาอาวุโส และอดีตผู้อำนวยการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) "เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตมีวิวัฒนาการจริง เพราะวิวัฒนาการเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ค่อยๆ เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลายาวนาน สิ่งมีชีวิตค่อยๆ ปรับเปลี่ยนตัวเองให้อยู่รอดได้ในสิ่งแวดล้อมที่ดำรงชีวิตอยู่ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่าวิวัฒนาการนั้นเป็นผลมาจากยีน เป็นผลให้เกิดความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ และในปัจจุบันเราก็สามารถสังเกตวิวัฒนาการได้จากการกลายพันธุ์ของยีน (mutation)"

ไม่มีความคิดเห็น: