วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

กรณีศึกษาเทคโนโลยี 3G ผู้ให้บริการทั่วโลก

29 กรกฎาคม 2551 11:31 น.

ตลาดการสื่อสารไร้สายมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วจากการหลอมรวมของเทคโนโลยีของการใช้งานของผู้บริโภค และการเพิ่มการรวมบริการไร้สายในตลาดองค์กร ในขณะเดียวกัน การให้บริการด้านเสียงแบบดั้งเดิมกลายเป็นบริการพื้นฐานซึ่งส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อเบอร์ (ARPU) มีอัตราคงที่หรือลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่พัฒนาแล้ว ด้วยเหตุนี้ผู้ให้บริการเครือข่ายจึงพยายามมองหาบริการข้อมูลที่ล้ำหน้าเพื่อช่วยกระตุ้นรายได้ให้เติบโตขึ้น ในการสนับสนุนการให้บริการด้านข้อมูลดังกล่าว ผู้ให้บริการเครือข่ายตระหนักว่าพวกเขาต้องการเครือข่ายที่ล้ำหน้ากว่าเครือข่าย 2G/2.5G สำหรับการเติบโตในระยะยาว ตลอดจนโซลูชั่นที่ตอบสนองความต้องการด้วยราคาที่เหมาะสม ความสามารถของเทคโนโลยี 3G และบรอดแบนด์สามารถตอบสนองการให้บริการโซลูชันด้วยคุณสมบัติพิเศษตามความต้องการของผู้ให้บริการเครือข่าย ดังต่อไปนี้ การวางกลยุทธ์ที่ดีในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อคุ้มครองการลงทุน ,ประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมและความคุ้มค่าในด้านเศรษฐศาสตร์ ที่ตอบสนองต่อการลงทุน, สนับสนุนแอปพลิเคชันที่หลากหลายและการให้บริการ รวมถึงการรับ-ส่งข้อมูลอย่างต่อเนื่องในพื้นที่การครอบคลุมทุกหนทุกแห่ง จำนวนผู้ให้บริการเครือข่ายทั้งรายใหญ่และรายย่อย ที่อยู่ในตลาดพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ ต่างพร้อมแล้วในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 3G เมื่อเดือนเมษายน 2551 มีจำนวนผู้ให้บริการเครือข่าย 3G ทั่วโลกมากถึง 465 ราย ด้วยผู้ใช้บริการทั่วโลกกว่า 625 ล้านคนใน 144 ประเทศ ในจำนวนผู้ใช้บริการดังกล่าว มีจำนวนมากถึง 128 ล้านรายที่เลือกใช้บริการ Evolution – Data Optimized (EV-DO) หรือ High-Speed Packet Access (HSPA) ตัวอย่างความสำเร็จของผู้นำด้านการให้บริการเครือข่าย 3G ทั่วโลกมาเป็นกรณีศึกษา โดยเฉพาะ Verizon Wireless, AT&T, KDDI และ Maxis ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายที่สามารถขยายบริการในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และมาเลเซีย Verizon และ KDDI เปิดให้บริการ CDMA2000? ขณะที่ AT&T และ Maxis เปิดให้บริการ WCDMA รวมทั้ง HSPA กรณีศึกษา 3G ทั่วโลก ในปี 2548 AT&T เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาด้วยจำนวนผู้ใช้บริการมากถึง 71.4 ล้านรายได้เปิดให้บริการ HSDPA เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่เป็นรายแรกของโลก โดย AT&T ได้เริ่มต้นเปิดให้บริการโดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญต่อพื้นที่ในเขตเมืองหลวง และขยายการให้บริการไปสู่เขตชานเมืองในระยะเวลาต่อมา ทาง AT&T ได้วางแผนขยายการให้บริการ 3G เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายสู่การเป็นบริษัทใน 350 อันดับสูงสุดของตลาดสหรัฐอเมริกาภายในสิ้นปี 2008 เทคโนโลยี 3G ได้กระตุ้นการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อเบอร์ ทางด้านการใช้บริการด้านข้อมูล (data ARPU) และยังเพิ่มความจงรักภักดีของลูกค้าต่อแบรนด์ AT&Tมากขึ้นด้วย โดย data ARPU เพิ่มขึ้นถึง 57.5% ปีต่อปีในไตรมาสที่ 4 ของปี 2007 รายได้จากบริการด้านข้อมูลอยู่ที่ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 20% จากรายได้จากการให้บริการแบบไร้สายทั้งหมด อัตราการยกเลิกใช้บริการลดลงอยู่ที่ 1.2% ในไตรมาสที่ 4 เมื่อเทียบกับ 1.5% ของปีที่ผ่านมา เมื่อไม่นานนี้ AT&T เปิดเผยแผนดำเนินงานของการสิ้นสุดการยกระดับเครือข่ายไปสู่เทคโนโลยี HSUPA (High-Speed Uplink Packet Access) ในกลางปี 2551 โดย AT&T ได้ยืนยันถึงแผนดำเนินการ 3G ด้วยการประกาศเจตจำนงในการพัฒนาเครือข่าย 3G ไปสู่เทคโนโลยี HSPA+ และ LTE (Long Term Evolution) ในอนาคต KDDI เป็นผู้บุกเบิกการใช้เทคโนโลยีกระจายข้อมูลบนเครือข่าย 3G ซึ่งให้ประโยชน์ 2 ประการแก่ผู้ให้บริการเครือข่าย นั่นคือความสามารถในการให้บริการ มัลติมีเดียกระจายไปยังผู้รับจำนวนมากโดยผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เซลลูลาร์ และความสามารถในการเพิ่มรายได้ให้แก่เครือข่ายในช่วงเวลาที่มีการใช้งานน้อย บริการ EZ News Flash ให้บริการข่าวรายชั่วโมงและอัปเดตข้อมูลตลอดทั้งวัน และบริการ EZ Channel Plus ให้บริการด้านการชมเนื้อหาเบื้องต้นที่ผู้ใช้บริการโปรดปรานอย่างเช่น ดนตรี ภาพ วิดิโอ หรือข้อมูลด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง ผู้ใช้บริการสามารถรับชมเนื้อหาได้ก่อนจากคลิปวีดิโอที่ให้บริการฟรี และสามารถดาวน์โหลดเวอร์ชันเต็มด้วยการเสียค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อย ปริมาณการใช้บริการ WIN หรือ EV-DO ของ KDDI และรายได้เฉลี่ยต่อเบอร์อยู่ในระดับที่น่าสนใจมาก ARPU ทั้งหมดสำหรับผู้ใช้บริการ WIN มีเปอร์เซ็นต์สูงกว่าผู้ใช้บริการในเครือข่ายอื่นถึง 30-40%และ สัดส่วนรายได้ด้านข้อมูลสำหรับผู้ใช้บริการ WIN ก็สูงเกือบเป็น 2 เท่าของผู้ใช้บริการรายอื่นๆ สัดส่วนรายได้ข้อมูลต่อรายได้ทั้งหมดสำหรับผู้รับบริการของ WIN คิดเป็นถึง 35-40% เช่นเดียวกับผู้นำในบริการเครือข่าย EV-DO รายอื่นๆ KDDI ได้พัฒนายกระดับเครือข่ายเป็น EV-DO Rev.A ในปี 2007 การอัปเกรดเครือข่ายนี้ได้ทำให้ KDDI สามารถขยายการให้บริการหลากหลายซึ่งรวมถึงบริการวิดีโอโฟนเป็นรายแรกในตลาด Maxis ในประเทศมาเลเซีย ความสำเร็จของเทคโนโลยี 3G ไม่ได้ถูกจำกัดเพียงประเทศพัฒนาแล้วเท่านั้น แท้จริงแล้ว 3G ยังได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นเทคโนโลยีสำคัญในตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการเพิ่มอัตราการเข้าถึงบรอดแบนด์ในประเทศต่างๆ เช่น มาเลเซีย และอินโดนีเซีย Maxis ผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่ที่สุดในประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในกรณีศึกษาความสำเร็จของ 3G ในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Maxis มีส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 41.5% ของตลาดมือถือ มีพื้นที่การให้บริการครอบคลุมมากกว่า 92 % ของประเทศ โดยเปิดให้บริการ WCDMA เมื่อเดือนกรกฎาคม 2548 และ HSDPA เมื่อเดือนกันยายน 2549 Maxis ได้รับประโยชน์จากการให้บริการ 3G ที่มีแพลตฟอร์มประสิทธิภาพสูงในการเปิดให้บริการแอปพลิเคชันที่หลากหลาย เช่น video on demand การดาวน์โหลดเพลงแบบเต็มเพลง และการดูวิดิโอทางโทรศัพท์มือถือ Maxis ได้ให้บริการผ่านอุปกรณ์หลายชนิด ทั้งดาต้าการ์ด และ USB เพื่อกลุ่มเป้าหมายตลาดองค์กร เมื่อเดือนเมษายน 2551 Maxis รายงานว่ามีผู้ใช้บริการ 3G ถึง 1.3 ล้านคนด้วยอัตราที่เพิ่มขึ้นสูงมากถึง 3 เท่าเมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า ความสำเร็จของการให้บริการของ Maxis คือความมั่นใจในการลงทุนในเครือข่าย 3G ผู้ให้บริการเครือข่ายควรกำหนดเป้าหมายทั้งการใช้โทรศัพท์แบบไร้สายและโทรศัพท์พื้นฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่มีการเข้าถึงบริการบรอดแบนด์พื้นฐานในปริมาณไม่มาก Maxis ได้สาธิตรูปแบบความสำเร็จของ 3G ในตลาดเกิดใหม่ Verizon Wireless สหรัฐอเมริกา Verizon เป็นผู้บุกเบิกแนวคิดของการให้บริการข้อมูลไร้สายในสหรัฐอเมริกาด้วยการเปิดให้บริการเครือข่าย EV-DO ในปี 2546 การเปิดให้บริการบรอดแบนด์นี้จะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มตลาดองค์กร โดยอุปกรณ์ที่ใช้ในการให้บริการได้แก่ดาต้าการ์ด ด้วยอัตราความเร็วสูงสุด 2 Mbps และ 400 Mbps เฉลี่ยต่อจำนวนผู้ใช้บริการ การให้บริการบรอดแบนด์นี้จะให้บริการครอบคลุมพื้นที่ทุกหนทุกแห่ง และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนโครงสร้างวิถีการใช้บริการของคนทำงานและผู้บริโภคทั่วไปในการเชื่อมต่อเครือข่ายขององค์กรและการเล่นอินเทอร์เน็ต ประสิทธิภาพของ Verizon ของการให้บริการที่ประสบผลสำเร็จของ Verizon ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2550 มีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นรวมเป็น 2 ล้านราย เป็นผู้ใช้บริการรายย่อย 1.9 ล้านราย ด้วยจำนวนลูกค้าทั้งหมด 65.7 ล้านราย ซึ่งเป็นลูกค้ารายย่อย 63.7 ล้านราย มีจำนวนผู้ใช้บริการรายย่อยเพิ่มขึ้นจำนวน 6.9 ล้านรายในปี 2550 ซึ่งมากที่สุดของผู้ให้บริการเครือข่ายทั้งหมด มียอดยกเลิกใช้บริการทั้งหมด 1.2% ซึ่ง 0.94% เป็นผู้ใช้บริการรายย่อยรายเดือน และเป็นผู้นำทางด้านความจงรักภักดีของลูกค้าต่อแบรนด์ รายได้ทั้งหมดเพิ่มขึ้น 13.3% รายได้จากบริการด้านข้อมูลเพิ่มขึ้นเป็น 53% รายได้เฉลี่ยต่อเบอร์จากบริการต่างๆ เพิ่มขึ้นทั้งในรายไตรมาสและตลอดทั้งปี มีรายได้เฉลี่ยต่อเบอร์จากข้อมูลสูงสุดในไตรมาส กำไรก่อนการคำนวณภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) สูงถึง 43.6% จากรายได้การให้บริการ (non-GAAP) ประโยชน์ของ 3G เทคโนโลยี 3G ช่วยให้ผู้บริการเครือข่ายจำนวนมากได้รับประโยชน์จากการให้บริการด้านข้อมูลและเสียงที่ให้ประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้ใช้บริการ เทคโนโลยี 3G ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเหมาะสมกับตลาดที่พัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ ยิ่งไปกว่านั้น ปรากฏการณ์การเติบโตของ 3G ทั้งในแง่ของผู้ใช้บริการ เครือข่าย อุปกรณ์เทอมินอล และรายได้จากบริการ เหล่านี้เน้นให้เห็นถึงตำแหน่งผู้นำตลาดของผู้ให้บริการ 3G ความสำเร็จในการให้บริการ 3G จำนวนมากจากผู้ให้บริการทั่วโลกพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า 3G เป็นโซลูชันสำหรับตลาดไร้สายทั่วโลก หน่วยงานองค์กรต่างๆ ในระบบอีโคซิสเต็มในบริการ 3G ที่หลากหลาย และความสามารถของบรอดแบนด์ไร้สายสามารถเพิ่มจุดแข่งขันและประโยชน์ในตลาดไร้สายอย่างมากในตลาดไร้สายที่มีการเติบโตสูงนี้
บทความ : มร.จิง หวาง รองประธานบริหารควอลคอมม์ ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ตะวันออกกลาง และแอฟริกา
http://www.manager.co.th/

ไม่มีความคิดเห็น: